the sweetest thing

treat

ร้านอาหารกึ่งเบเกอรี่รายล่าที่แฝงตัวอยู่ในบ้านสไตล์วินเทจกลางสวนสวย Treat มีทัพหน้าเป็นอาหารคาวหลากชนิดตั้งแต่เมนูง่ายๆ อย่างข้าวผัดกะเพรา สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า จนถึงจานเฉพาะอย่าง Foie Gras with Mix Berry Salad ฟัวกราส์ชิ้นใหญ่ที่นำไปจี่จนได้เสิร์ฟพร้อมผักสลัด ซอสเบอร์รี และเมล็ดทับทิมสด แต่ที่เด็ดกว่าคือกองทัพขนมหวานที่เชื่อขนมกินได้ว่าอร่อยชัวร์ เพราะมาจากฝีมือของคุณเติ้ล เจ้าของร้านเบเกอรี่ Caféé to All ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี เมนูที่ห้ามพลาดคือบรรดา Toast ทั้งหลาย ถ้าจะให้ครบเครื่องต้อง Japanese Honey Toast โทสต์สไตล์ญี่ปุ่นโปะหน้าด้วยไอศกรีมช็อกโกแลต ผลสตรอวร์เบอร์รีสด อัลมอนด์ฝาน และวิปครีมสด ของหวานอีกอย่างที่ยากจะตัดใจคือ Strawberry Triffle ไทรเฟิลช็อกโกแลตคลุกเคล้าผลสตรอว์เบอร์รีสดและครีม โรยหน้าด้วยผงโอริโอบด ถ้าจะให้ได้บรรยากาศต้องออกมานั่งที่สวนสวยหรือในกลาสเฮาส์ด้านนอก โดยเฉพาะในยามโพล้เพล้ที่นั่งไปนั่งมาอาจติดลมจนต้องขอแก้วไวน์มาวางแทนจานขนมหวานก็เป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินคาดเดา

chocolab

ถึงจะไม่อลังการเท่าโรงงานช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า แต่ Chocolab ก็ส่งมนต์ขลังแห่งความหวานขมทะลุผ่านผนังกระจกใสของครัวเปิด ดึงดูดใจให้เราเดินเข้าไปส่องมองทีมเชฟที่กำลังบรรจงปรุงแต่งเมนูช็อกโกแลตในจานและลงเอยด้วยการเดินเข้าร้านอย่างไม่รู้ตัว ที่นี่มีเมนูช็อกโกแลตสารพัดชนิดให้เลือก โดยเฉพาะในหมวดที่ปรุงขึ้นสดๆ ที่น่าลิ้มลองเสียทุกจาน เราเลือกชิม Choc Burger ที่เสิร์ฟขนมปังบริยอช (Brioche) รสช็อกลาวาและรสฮันนีโทสต์วางซ้อนกันสองก้อน ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาและราดด้วยซอสคาราเมล เมื่อทั้งสองสิ่งละลายรวมกันแล้วไหลซึมลงมาสู่เนื้อขนมปัง… อร่อยเข้ากันดีเชียว นอกจากนี้ยังมีช็อกโกแลตหมวดอื่นๆ อย่างเค้กช็อกโกแลตที่มีให้เลือกหลายรสชาติ หรือจะเป็นช็อกโกแลตแท่งที่ยากจะตัดใจเพราะมาพร้อมรสแปลกใหม่อย่างมะลิ มะม่วง เครื่องเทศ หรือกระทั่งซอสพอนซึ ถ้าจะให้เข้ากันก็สั่งเครื่องดื่มอย่าง Hot Chocolate Vienna หรือ So’ Nutty White Chocolate Latte มากินให้เอียนกันไปข้างหนึ่ง แต่อย่าแปลกใจถ้าคุณจะอิ่มอร่อยและอารมณ์ดีเกินจริง เพราะห้องทดลองแห่งนี้มีอาวุธลับคือการใช้ช็อกโกแลตคุณภาพดีที่มีอายุกว่า 130 ปีจากฝรั่งเศสอย่าง Bonnat ในทุกเมนูช็อกโกแลต